ต้องถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาลูกใหญ่ของ ฟุตบอลยุโรป ที่มาถึงตรงนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปถึงแนวทางที่ชัดเจนเท่าไร สำหรับมาตรการการเตะฟุตบอลสโมสรยุโรปทั้งถ้วยใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีคส์ และ ถ้วยเล็ก ยูโรป้าลีค ตอนนี้เดินทางมาถึงรอบน็อคเอาท์แล้วแต่ว่ามันกลับเกิดปัญหาเรื่องสนามการแข่งขันที่จะต้องไปเตะสนามกลาง

เตะสนามกลาง ตามนโยบาย โควิท 19

สาเหตุที่ต้องเตะสนามกลางเพราะว่า นโยบายป้องกันโควิท 19 ของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะทีมจากสหราชอาณาจักรที่เหมือนโดนขึ้นบัญชีไปแล้วว่า เป็นประเทศที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงมาก ทำให้ใครที่เดินทางไปประเทศเหล่านี้จะไม่สามารถทำธุรกรรมอื่นได้ ต้องกักตัวอย่างน้อย 15 วันเพื่อหาเชื้อ นั่นทำให้หากทีมที่จะต้องเตะจากทีมสหราชอาณาจักรเกิดปัญหาเลยว่าไม่สามารถเดินทางเข้าไปเตะในประเทศนั้นได้ เนื่องจากจะต้องถูกกักตัว

ใครเป็นคนหา และติดต่อ

ทีนี้คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ สนามกลางที่ว่านั่น ใครเป็นคนหาและคนติดต่อ อย่างเช่นกรณีของ ลิเวอร์พูล เจอกับ ไลป์ซิก ที่สุดท้ายต้องไปเตะที่โรมาเนียแทน ตรงนี้เราก็ไม่รู้ว่า ใครจะต้องทำหน้าที่เป็นคนหาสนามกลาง ฝ่ายจัดการแข่งขันอย่างยูฟ่า หรือ ทีมที่จะเตะด้วยกันเองอย่าง ลิเวอร์พูล กับไลป์ซิก ซึ่งคู่นี้ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เกมที่สองที่จะต้องไปเตะในบ้านลิเวอร์พูล ก็ต้องหาสนามกลางอีก เนื่องจากว่า นักเตะจากไลป์ซิก เข้าอังกฤษไม่ได้ อย่างที่บอกไปแล้ว ต้องหาสนามกลางกันวุ่นวาย

ระยะทางที่ลงตัวต่อทุกฝ่าย

ทีนี้การหาสนามกลางมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด จริงอยู่ว่า สนามกลางไม่ได้เตะอยู่แล้วเพราะว่าเกมกลางสัปดาห์ แต่ว่าระยะทางกับสนามกลางเค้าจะยอมไหมนี่สิอีกเรื่อง ตัวสนามกลางเองก็อยากจะให้ความร่วมมือ แต่ว่าถ้าหากเค้าไม่ให้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเกิดแพร่ระบาดของโควิท 19 อันนี้ก็ว่ากันไม่ได้ สมมุติว่าถ้าสนามกลางที่ได้มันไกลมากจากต้นทางของทั้งสองทีม มันจะดีต่อทั้งสองทีมหรือไม่ ยอมรับได้หรือเปล่า เป็นสิ่งที่น่าคิดเหมือนกัน

ก็ต้องมาดูว่า ยูฟ่า ที่ทำหน้าที่จัดการแข่งขัน จะจัดการสนามกลางนี้อย่างไร เพื่อให้การแข่งขันดำเนินต่อไปได้